จัดฟันบางนา: ไขข้อสงสัย “ฟันเหลือง” เป็นเรื่องธรรมชาติจริงหรือไม่ ?เชื่อว่าหลายๆท่านไม่กล้าที่จะยิ้มหรืออ้าปากเต็มที่ในการพูดคุย ไม่ว่าจะเป็นการติดต่องาน หรือ การพูดคุยเล่นกับเพื่อนร่วมงานก็ตาม หากฟันของท่านไม่ขาวสวย แต่มีสีเหลืองหม่นหมองดูแล้วไม่น่ามอง ทำให้ท่านนั้นอาจจะเสียบุคลิกไปได้เลย
“ฟันเหลือง” หลายท่านอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ทั้งยังมีความเชื่อด้วยว่าฟันเหลืองนั้นมาจากพันธุกรรมส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น จึงมองว่า ฟันเหลืองเป็นเรื่องธรรมชาติ ซึ่งจะบอกว่าผิดซะทีเดียวก็คงไม่ใช่ จะถูกหมดก็ไม่ใช่เช่นกัน เพราะ ฟันเหลืองนั้นกว่า 90% เกิดจากพฤติกรรมของแต่ละคนนั่นเอง
ซึ่งในวันนี้จะขอพาท่านผู้อ่านมาทำความรู้จักกับ ฟันเหลือง ให้มากขึ้นว่าเกิดจากพฤติกรรมใดบ้าง เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านั้น ดังต่อไปนี้
สาเหตุหลักๆที่ทำให้ฟันเหลือง หรือเปลี่ยนสี
1. พฤติกรรมการบริโภคอาหารสีเข้ม
ต้องขอบอกเลยว่าหลายๆท่านที่ฟันเปลี่ยนสีส่วนมากจะมาจากพฤติกรรมการบริโภคเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการเปลี่ยนสีฟันจากการบริโภคจะเกิดขึ้นทีละน้อยๆจนท่านไม่ทันจะได้สังเกตเห็น
ซึ่งอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้มเหล่านี้ เช่น ชา กาแฟ เฉาก๊วย ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก ไวน์แดง และแกงสีสันเข้มข้นต่างๆ การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้จะทำให้เกิดสีสะสมที่ฟันไปเรื่อยๆจนเปลี่ยนสีกลายเป็นสีเหลือง หรือสีเดียวกับอาหารที่บริโภคเป็นประจำ
2. พฤติกรรมการสูบบุหรี่
หลายท่านคงทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า สารต่างๆในบุหรี่มีความเหนียวหนืดเกาะติดแน่นทนนาน และทำให้สุขภาพร่างกายทรุดโทรม นอกจากสุขภาพร่างกายที่ถูกทำลายแล้ว สุขภาพช่องปากก็จะเสียหายตามไปด้วย
ซึ่งสารเคมีที่เกิดจากการเผาไหม้ของบุหรี่ โดยเฉพาะสารที่มีส่วนประกอบของกำมะถัน เป็นตัวการหลักในการทำให้ฟันเปลี่ยนสี หากเมื่อท่านทำการสูบบุหรี่สารเหล่านี้จะไปสะสมอยู่บนผิวฟัน และแทรกซึมเข้าไปในชั้นเนื้อฟัน ซึ่งสามารถทำให้ฟันเปลี่ยนสีได้อย่างรวดเร็วมาก
3. พฤติกรรมทำลายชั้นเคลือบฟัน
ชั้นเคลือบฟัน จะมีลักษณะเป็นสีขาวใส โดยจะมีหน้าที่ในการช่วยปกป้องและปกปิดชั้นเนื้อฟันที่มีสีเหลือง ซึ่งหากว่าชั้นเคลือบฟันถูกทำลาย หรือค่อยๆบางลง ก็จะทำให้สีเหลืองของชั้นเนื้อฟันเด่นชัดขึ้นมาทำให้เห็นเป็นฟันสีเหลืองนั่นเอง
ซึ่งพฤติกรรมการทำลายชั้นเคลือบฟันก็คือ การบริโภคอาหารที่มีรสเปรี้ยว น้ำอัดลมต่างๆ เพราะมีภาวะเป็นกรดซึ่งกัดกร่อนชั้นเคลือบฟันได้ดี รวมถึงการใช้ขนแปรงที่มีความแข็งจะทำให้เกิดการขูดทำลายชั้นเคลือบฟันได้นั่นเอง
4. อายุ
สำหรับข้อนี้ถือว่าเป็นไปตามธรรมชาติ เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ฟันก็จะเริ่มสึกกร่อนจากการใช้งาน เช่น การรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่เป็นกรดสะสม การแปรงฟันที่ผิดวิธีต่างๆเป็นระยะเวลานาน จนทำให้ฟันเริ่มเปลี่ยนสีจนกลายเป็นสีเหลือง นอกจากนี้จากการศึกษาจะพบบ่อยมากว่าในผู้สูงอายุโพรงประสาทและเส้นเลือดฝอยที่มาหล่อเลี้ยงฟันมักจะมีอาการตีบมากขึ้น ชั้นเนื้อฟันที่มีสีเหลืองจะเริ่มมีความหนาขึ้น ทำให้ฟันผู้สูงอายุจะมีสีเหลืองเข้ม และแห้งเปราะนั่นเอง
5. ธรรมชาติของฟัน
ในฟันแต่ละซี่จะมีความหนาของชั้นเนื้อฟัน และชั้นเคลือบฟันไม่เท่ากัน เช่น ฟันเขี้ยวจะมีลักษณะเนื้อฟันที่หนากว่าเคลือบฟันจึงทำให้มีสีเหลืองมากกว่าฟันซี่ข้างเคียงที่มีชั้นเคลือบฟันที่หนากว่าชั้นเนื้อฟัน
6. ฟันผุลึกถึงโพรงประสาท
ต้องขอบอกเลยว่าสำหรับข้อนี้ฟันเปลี่ยนสีจะรุนแรงกว่าข้ออื่นๆ เมื่อท่านมีอาการฟันผุฟันจะเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลหรือถึงขั้นเป็นสีดำ แต่หากว่ามีอาการฟันผุลึกไปถึงโพรงประสาทจนถึงขั้นทำลายโพรงประสาทฟัน เม็ดเลือดฝอยที่อยู่ในเส้นเลือดที่มาหล่อเลี้ยงประสาทฟันจะแตกกลายเป็นสีดำ
7. ยาและความผิดปกติตั้งแต่ระยะสร้างฟัน
สำหรับข้อนี้นั้นต้องบอกว่าเป็นการควบคุมที่ยากมาก เนื่องจากว่าจะมียาปฏิชีวนะในกลุ่มเตตระไซคลิน ซึ่งมารดามักได้รับในขณะที่ตั้งครรภ์ ซึ่งยาในกลุ่มนี้จะส่งผลทำให้เด็กในครรภ์มีฟันที่เหลืองตั้งแต่ในครรภ์ ซึ่งหากว่ารับประทานยาในกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง จะทำให้บุตรในครรภ์จะมีฟันสีเหลืองเข้มไปตลอดชีวิตนั่นเอง